วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนเตรียมจัดงาน "Open Books Open Houses Open Hearts"

ภาพประกอบเพิ่มเติม...
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2558 เวลา 11.00-12.00 น. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และ ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการศูนย์หนังสือธรรมศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา คณะกรรมการศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเทศบาลนครยะลา จัดประชุมร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุมสภา เพื่อร่วมปรึกษาหารือเตรียมจัดงานพัฒนาด้านการศึกษาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ งาน  "Open Books Open Houses Open Hearts: เปิดโลกความรู้สู่ใจคนชายแดนใต้"  ในต้นปี 2559 คือ ระหว่างวันที่ 26-30 มกราคม 2559 ณ บริเวณหอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
   ผลจากการประชุมคณะกรรมการระหว่างเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สำคัญ ทั้งในและนอกพื้นที่ ได้แก่ ผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) จังหวัดยะลา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เทศบาลนครยะลา สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด มหาวิทยาลัยฟาฏอนี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอีกหลายหน่วยงาน มีมติลงความเห็นร่วมกันว่าจะร่วมเป็นเครือข่ายจัดงาน  "Open Books Open Houses Open Hearts: เปิดโลกความรู้สู่ใจคนชายแดนใต้" ขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 มกราคม 2559 ณ บริเวณหอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
    สำหรับมีวัตถุประสงค์ของการเตรียมการจัดงานครั้งนี้ที่สำคัญ คือเพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงหนังสือ ตำรา เอกสารสิ่งพิมพ์ ความก้าวหน้าทางวิชาการ  เพื่อกระตุ้นความสนใจและสร้างนิสัยรักการอ่าน สร้างความสนใจการศึกษาต่อในหลักสูตรต่างๆ ระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา หลักสูตรอาชีพระยะสั้น  เปิดเวทีการแสดงออกด้านการแข่งขันวิชาการ การส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมในพื้นที่ ที่สำคัญเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อรวมพลังเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ในและนอกพื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่ ใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาในพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป
   ในส่วนของกิจกรรมสำคัญที่จัดในงาน "Open Books Open Houses Open Hearts: เปิดโลกความรู้สู่ใจคนชายแดนใต้" ครั้งนี้ในเบื้องต้น (แนวคิด) ได้แก่
  • กิจกรรมมหกรรมวิชาการและตลาดนัดหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย
  1. นิทรรศการประชาสัมพันธ์และแสดงผลงานของหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดสอนทั้งระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา และการศึกษาภาคเอกชน ทั้งในและนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ จำนวนกว่า 200 บูธ
  2. การแข่งขันทางวิชาการทุกระดับ ทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ได้แก่ การแข่งขันการโต้วาที การกล่าวสุนทรพจน์ การเล่านิทานสามภาษา การแสดง Science Show การแข่งขันตอบปัญหา
  3. การส่งเสริมรักการอ่าน เป็นกิจกรรมส่งเสริมเยาวชนรักการอ่านจากศูนย์บรรณสารสนเทศ และ TK Park  
  4. กิจกรรมเสวนา/บรรยายแนะแนวการศึกษาต่อ
  • กิจกรรมส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม
  1. การแข่งขันวงดนตรีลูกทุ่งและวงดนตรีสากล
  2. การประกวด "ชายแดนใต้ Got Talent" 
  3. การแสดงบนเวทีอื่นๆ เช่น  การแสดงศิลปะพื้นบ้าน การแสดงดนตรีพื้นบ้าน  หรืออื่นๆ
  4. การร่วมกิจกรรมกับผู้มีชื่อเสียง เช่น ดารานักเขียน  นักร้องนักเขียน นักดนตรีนักเขียน หรือนักพูดที่มีชื่อเสียง เป็นต้น  
  5. การออกร้านของดีสามจังหวัดชายแดนใต้ 
  • กิจกรรม Books Fair  
  1. การแสดงบูธนิทรรศการศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยราชภัฏและที่เกี่ยวข้อง
  2. การออกร้านจำหน่ายหนังสือกว่า 30,000 เล่ม จากสำนักพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ
  3. ร้านขายสินค้าเครื่องเขียน ของที่ระลึกทันสมัย
      สำหรับเป้าหมายของผู้เข้าร่วมกิจกรรมและร่วมงานในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชน รวมทั้งบุคลากรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าวันละ 10,000 คน นับเป็นมหกรรมด้านการส่งเสริมการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ในต้นปีหน้าอีกครั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ สำหรับความคืบหน้าของการจัดงาน จะได้นำเสนอให้ทราบในโอกาสต่อไป

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

คณะผู้บริหาร มรย.และผู้บริหารระดับกลาง ระดับปฏิบัติการร่วมอบรมปฏิบัติการ "พัฒนาสมรรถนะหลักองค์กร"

"จุดเริ่มต้นการปรับเปลี่ยนมหาวิทยาลัยไปสู่ "มหาวิทยาลัยคลังปัญญาแห่งชายแดนใต้"


ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน 2558 คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และผู้บริหารหน่วยงานระดับกลาง ระดับปฏิบัติการ พร้อมบุคลากรงานการเจ้าหน้าที่ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี กว่า 70 คน ร่วมประชุมปฏิบัติการพัฒนาสมรรถนะจำเป็นขององค์กร (Core Competency) โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ธนิตสรณ์ จิระพรชัย รองอธิการบดีฝ่ายแผนและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  (http://www.kmutt.ac.th) ซึ่งมีแนวปฏิบัติที่ดีในการปรับเปลี่ยนองค์กรโดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ จนกระทั่งพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้ ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากท่านอธิการบดี ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์  เป็นประธานในพิธีเปิดและให้โอวาทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์กร
    สำหรับแนวคิดและประสบการณ์ที่ได้ผู้เข้าอบรมได้รับจากการอบรมครั้งนี้ที่สำคัญ คือ แนวคิดในการพัฒนาองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์องค์กร โดยความร่วมมือของทุกคนในองค์กร คือ การพัฒนา มรย.ของเราให้ก้าวเป็น มหาวิทยาลัยคลังปัญญาแห่งชายแดนใต้ (The WISDOM Bank University) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยเน้นถึงการกำหนดและทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ขององค์กรร่วมกันอย่างชัดเจน กำหนดสมรรถนะหลักขององค์กร สร้างค่านิยมองค์กรร่วมขององค์กร ให้สามารถส่งเสริมในการก้าวไปสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ สำคัญที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนวิธีคิดของคนในองค์กร เน้นสร้างความรักความผูกพัน มององค์กรเป็นสำคัญ ทุกคนทำงานหนักและพัฒนางานให้มีคุณภาพเพื่อองค์กร จัดระบบพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมีทิศทางชัดเจน รวมทั้งการจัดทำแผนกลยุทธ์องค์กรระยะยาว เช่น 15 ปี  และต้องดำเนินการตามแผนฯ อย่างต่อเนื่อง



ผลจากการประชุมปฏิบัติการ ได้กำหนดสมรรถนะหลัก (Core Competency) ที่จะส่งเสริมให้วิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ก้าวไปสู่ "มหาวิทยาลัยคลังปัญญาแห่งชายแดนใต้" ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ

1. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement Motivation)
2. การบริการที่ดี (Service Mind)
3. การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงาน (Expertise)
4. การยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม (Intergrity)
5. การทำงานเป็นทีม (Teamwork)
หรืออาจเขียนให้คล้องจอง สามารถจำได้ง่าย เป็นแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะหลักของตนเองให้สอดคล้องกับสมรรถนะหลักของ "มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา" ดังนี้

"มุ่งผลสัมฤทธิ์  จิตบริการที่ดี  มีความเชี่ยวชาญในงาน เน้นการทำงานเป็นทีม ที่ยึดมั่นความชอบธรรมและจริยธรรม"

   ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ก็จะนำสมรรถนะหลัก 5 ด้าน ข้างต้น ไปขับเคลื่อนพัฒนาบุคลากรให้เกิดแก่บุคลากรทุกท่าน เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลง มรย. ของเราให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

ข้อมูลและภาพเพิ่มเติมจากไทยนิวส์: 
http://thainews.prd.go.th/website_th/news/news_detail/TNSOC5808310010036